
วันนี้เราจะพาทุกท่านมาพบกับการพยากรณ์ประเทศไทยในอีก 10 ปี ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน” ตรรกะแห่งพุทธพจน์เป็นจริงเสมอ เพราะแม้แต่คำทำนายของผู้เขียนที่มักมองโลกอย่างระมัดระวังแล้ว ก็ยังดูห่างไกลกับความเป็นจริงในปีนี้อย่างมาก นั่นเป็นเพราะปี 2563 เป็นปีแห่งอาถรรพณ์ที่โรคร้ายแห่งศตวรรษได้มาระบาดทั่วโลก ทำให้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากกว่าประชากรประเทศไทย ผู้เสียชีวิตมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนและกำลังจะเข้าสู่ 2 ล้านคนในกลางปีหน้า ยิ่งไปกว่านั้น โรคร้ายยังได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สงครามเย็นและการพัฒนาของโลกอย่างไม่มีวันหวนกลับ
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยทั้ง 4 ข้อนั้น ได้แก่
1.วัคซีนจะมาช้ากว่าคาด
จะเป็นความหวังและผู้คนจะชินกับนิวนอร์มอล (New Normal) แม้วัคซีนจะเป็นความหวังของชาวโลก และเริ่มอนุมัติให้ฉีดได้ตั้งแต่ปลายปี 2563 ในบางราย แต่การอนุมัติวัคซีนหลายตัวในอนาคตจะล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
2.เศรษฐกิจจะฟื้นตัว
แบบโดยเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปถ้าวัคซีนได้รับอนุมัติ แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนจะไม่ฟื้นกลับมาได้ในทันที เนื่องจากวัคซีนต้องได้รับการอนุมัติและการแจกจ่ายทั่วโลกต้องใช้เวลา ทำให้การฟื้นตัวในแต่ละประเทศแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับ
- จำนวนผู้ติดเชื้อและการได้รับวัคซีน ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับต่ำจะฟื้นตัวดีกว่า
- การพึ่งพิงภาคท่องเที่ยวและบริการ ประเทศที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวและบริการสูงจะฟื้นตัวช้ากว่า
- ภาคเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ หากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการจะอ่อนแอ/ฟื้นตัวช้ากว่า
3. สงครามเย็นภาคสอง
สหรัฐประกาศสงครามเย็นกับจีนผ่านการรบ 4 สมรภูมิ คือการค้า เทคโนโลยี การลงทุน และด้านความมั่นคง โดยเน้นทำสงครามแบบ “ฉายเดี่ยว” แบบซูเปอร์แมน เช่นขึ้นภาษีนำเข้ากับจีน และแบนบริษัทเทคฯ จีน เป็นต้นแต่ในยุคไบเดน สงครามเย็นจะไม่หายไป แต่จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นการรบแบบ “รวมพล” เหมือน Avenger มากขึ้น โดยในส่วนการค้า จีนเดินแต้มก่อนหลังจากได้เข้าร่วมสนธิสัญญาการค้าอาร์เซ็ป ขณะที่รัฐบาลไบเดนจะเริ่มเดินเกมในเอเชียมากขึ้นผ่านความร่วมมือกับอาเซียน ทีพีพีและเอเปค รวมถึงบีบให้จีนต้องยอมทำตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดร่วมกัน เช่น มาตรฐานสินค้า การคุ้มครองแรงงาน ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และการลดทอนอิทธิพลและขนาดของรัฐวิสาหกิจในเศรษฐกิจ แลกกับการลดภาษีนำเข้า
4.Tech-Celelation หรือการเร่งตัวของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด
วิกฤติโควิดที่จำกัดการปฏิสัมพันธ์โดยตรง ทำให้มนุษยชาติน้อมรับเทคโนโลยี (Technological adoption) รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยบริษัทที่ปรึกษา McKinsey กล่าวว่า ผู้บริโภคและภาคธุรกิจย่นระยะเวลาน้อมรับเทคโนโลยีต่างๆ จาก 5 ปีด้านการทำธุรกรรมการเงิน นิตยสาร The Economist ระบุว่า ส่วนแบ่งการทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสด (Cashless Transaction) ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงระดับที่คาดว่าจะได้เห็นใน 2-5 ปี ส่วนด้านการแพทย์ รายงานจาก New York Times ระบุว่าบริการทางการแพทย์ในอังกฤษได้ย่นระยะเวลาจากหนึ่งทศวรรษเหลือหนึ่งสัปดาห์ หลังจากแพทย์เปลี่ยนไปใช้การให้คำปรึกษาผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ thaiastrology.net